ครั้งแรกของประเทศ! “LIV-24” ผนึก “ภาครัฐผู้กำกับนโยบายอุตสาหกรรม”

ชู INDUSTRIAL TECH ผลักดันสมาร์ทนิคม เสริมแกร่งอุตสาหกรรมไทย

9

ปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของประเทศไทย ภาครัฐ โดยกระทรวงอุตสาหกรรม กนอ. และ สภาอุตสาหกรรม ผนึกกำลังภาคเอกชน โดย LIV-24 จัดงานใหญ่แห่งปี ก้าวข้ามขีดจำกัด สู่ยุคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วย AI และ INDUSTRIAL TECH

• ผู้ประกอบการเร่งปรับตัว รับเทรนด์โลก ระบุเทคโนโลยี “INDUSTRIAL TECHNOLOGY” โซลูชันอัจฉริยะ เป็นอีกหนึ่งกลไกเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก

ชี้ ห่วงโซ่การผลิต เทคโนโลยี การขนส่ง ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่ออุตสาหกรรม ความเสี่ยงสำคัญ กระทบธุรกิจ ต้นเหตุงานสะดุด    

กระทรวงอุตสาหกรรม การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมด้วย บริษัท LIV-24 จำกัด  จัดงานใหญ่แห่งปี โดยได้รับเกียรติจากนางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าววิสัยทัศน์และนโยบายในการยกระดับประเทศไทยสู่ศูนย์กลางเมืองแห่งอุตสาหกรรมระดับโลก ในงานสัมมนา LIV-24 Industrial Tech Revolution: ก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ยุคอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนด้วย AI และ Industrial Tech โดยมีผู้นำจากภาคธุรกิจต่างๆ เข้าร่วมกว่า 200 บริษัท 

นางสาวนิรมล ดิเรกมหามงคล กรรมการผู้จัดการ บริษัท LIV-24 จำกัด (ลีฟ ทเวนตี้โฟร์) เปิดเผยว่า “ภาคอุตสาหกรรมเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ  ก่อให้เกิดการจ้างงานในหลากหลายกลุ่ม ตลอดจนผลักดันให้เกิดการพัฒนาและขับเคลื่อนเทคโนโลยีของประเทศ วันนี้เราทำธุรกิจโดยใช้ AI เข้ามาช่วย สิ่งสำคัญคือ AI ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรับมือ แต่เป็นเครื่องมือที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้ธุรกิจ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนการทำงานให้สอดคล้องกับบริบทของเศรษฐกิจและสังคมโลก ซึ่งผู้ประกอบการไทยได้ให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ เข้ามาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขันตั้งแต่ต้นน้ำ (การวิจัยและพัฒนา การออกแบบ และการจัดหาวัตถุดิบ) กลางน้ำ (การผลิต การจัดการของเสีย) จนถึงปลายน้ำ (การขนส่ง กระจายสินค้า และบริการหลังการขาย) เพื่อให้ธุรกิจมีความยืดหยุ่น รับมือต่อความเสี่ยงและปัจจัยภายนอก สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนมากขึ้น”

LIV-24 เราเป็นผู้เชี่ยวชาญการออกแบบโซลูชันที่ตอบโจทย์ผู้ประกอบการได้ทุกรูปแบบ ดูแลครอบคลุมหลายธุรกิจกว่า130 โครงการ ผ่านมาแล้ว 500,000 เคส และมีเคสอันตรายที่เกิดกับชีวิตและทรัพย์สินเป็น 0 เคส และเป็นโซลูชันสำหรับอุตสาหกรรมรายแรกของประเทศไทย โดยนำ INDUSTRIAL TECHNOLOGY ที่ใช้เทคโนโลยี AI ผสานเข้ากับประสบการณ์ของมนุษย์ ที่ออกแบบมาให้ตอบโจย์กับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า กลุ่มอุตสาหกรรม เช่น ระบบป้องกันอัคคีภัย กล้องอัจฉริยะตรวจจับความผิดปกติ การดูแลระบบ เครื่องจักรต่างๆ ระบบขนส่ง การจัดการน้ำเสีย และการจัดการพลังงาน โดยมีการเชื่อมต่อเข้าสู่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง (Command Centre) ที่สามารถดูแลแบบ Real-Time 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วัน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก ช่วยให้โรงงานทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดลดเวลาที่เสียไปและเพิ่มผลผลิต  เพิ่มความปลอดภัย ด้วยระบบตรวจจับและเตือนภัยอัจฉริยะ 24 ชั่วโมง ป้องกันความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย ลดต้นทุนในการใช้พลังงานช่วยดูแลรักษาอุปกรณ์ และลดการปล่อยคาร์บอนสู่ชุมชน ส่งผลให้ลดต้นทุนรวมของธุรกิจได้มากถึง 20 %  ปัจจุบันกลุ่มลูกค้าหลัก ได้แก่ โรงงานอุตสาหกรรม มิกซ์ยูสโครงการอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มอาคารสำนักงาน มีมูลค่าทรัพย์สินที่ดูแลรวมกันกว่า 300,000 ล้านบาท

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม ประกอบไปด้วย ห่วงโซ่การผลิต เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐานทางการขนส่ง ความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ เงินทุน และความพร้อมด้านวัตถุดิบมีความสำคัญต่อความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และ LIV-24 จะเป็นอีกหนึ่ง key driver สำคัญในการสร้างโซลูชันที่สมบูรณ์แบบ เราสามารถวิเคราะห์ข้อมูลและคาดการณ์ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่มนุษย์จะเข้ามาช่วยในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ซึ่งความร่วมมือครั้งสำคัญในวันนี้  จะช่วยสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีความแข็งแกร่ง เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในระดับนานาชาติ นับเป็นอีกหนึ่งก้าวที่สำคัญเพื่อยกระดับประเทศสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมและนวัตกรรมในภูมิภาคต่อไป” นางสาวนิรมล กล่าว

รศ. วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวว่า “กนอ.ในฐานะรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมขับเคลื่อนแผนขององค์กรให้บรรลุเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง-กนอ. ตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนของภาคเอกชนต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ในปีนี้ กนอ. ได้กำหนดแผนฟื้นฟูการลงทุน โดยลดบทบาทการเป็นหน่วยงานกำกับดูแล (regulator) มาเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator) ที่มุ่งเน้นอำนวยความสะดวกและสนับสนุนผู้ประกอบการในทุกด้าน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนอย่างเต็มที่ควบคู่ไปกับการนำนิคมอุตสาหกรรมสู่มาตรฐานสากลด้วยนวัตกรรมอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วย ยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่การเป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Industrial Town), ส่งเสริมให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  มุ่งเน้นจัดการกากของเสียให้มีประสิทธิภาพ และเชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทยยังคงเป็นอีกหนึ่ง sector ที่แข็งแกร่ง แม้จะเผชิญกับความท้าทายต่างๆ และ LIV-24 จะเป็นอีกหนึ่งโซลูชั่นที่สำคัญ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ ด้วยเทคโนโลยี AI อัจฉริยะ และเข้ามามีส่วนร่วมในการผลักดันสมาร์ทนิคม พร้อมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมไทยให้เทียบชั้นกับนานาชาติ”