ช่วงหลายปีที่ผ่านมามีกลุ่มของคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น ประกอบการการที่รัฐบาลประเทศจีนเข้มงวด และตรวจสอบธุรกิจในประเทศจำนวนมาก
ซึ่งกดดันให้หลายกลุ่มธุรกิจจำเป็นต้องโยกย้ายออกนอกประเทศจีนก่อนที่จะมีปัญหา แน่นอนว่ามีกลุ่มธุรกิจสีเทาหรืออาจจะสีดำเลยเข้ามาในประเทศไทย
ในรูปแบบของลงทุนในธุรกิจต่างๆ ผ่านการจัดตั้งนิติบุคคลแบบถูกกฎหมายในประเทศไทย แล้วถือครองอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ไม่ใช่คอนโดมิเนียมผ่านนิติบุคคล ซึ่งเรื่องเหล่านี้ตรวจสอบได้ยาก
ก่อนหน้านี้อาจจะมีเรื่องของทัวร์ศูนย์เหรียญที่โดนปราบปรามไป ภายหลังอาจจะเกี่ยวข้องกับแก็งค์คอลเซ็นเตอร์ คาสิโนออนไลน์ผ่านเครือข่ายในประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งแน่นอนว่ารายได้จากธุรกิจพวกนี้ค่อนข้างมาก และเงินเหล่านี้จำเป็นต้องมีการใช้ออกหรือแปรเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์อื่นๆ โดยเร็ว
ซึ่งการนำมาซื้ออสังหาริมทรัพย์เป็นช่องทางที่รวดเร็วและง่ายที่สุด อาจจะมีการจัดตั้งนิติบุคคลในประเทศไทย แต่แทบไม่มีกิจกรรมหรือการดำเนินธุรกิจเลยในแต่ละปี
กลุ่มของชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศไทยเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์มีทั้งกลุ่มที่ต้องการซื้อจริงๆ และเป็นกลุ่มที่ทำธุรกิจทั่วไป ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องสีเทา หรือสีดำเลย
อาจะมีชางต่างชาติเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือสีดำ และเข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ผ่านช่องทางต่างๆ โดยอาศัยเครือข่ายหรือการใช้เงิน รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงหรือปฏิบัติตามกฎหมายไทยแบบ 100% เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาจนโดยตรวจสอบ
เพราะถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นก็อาจจะมีเหตุการณ์แบบที่เป็นข่าวขึ้นมา ที่โดนไล่ตรวจสอบทีละจุดเลย ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็คงยากที่จะทำธุรกิจหรืออยู่อย่างสบายในประเทศไทยได้
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อาจจะเลี่ยงที่จะรับลูกค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือต่างชาติได้ยาก
เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์เป็นเป้าหมายสำคัญในการใช้เงินของกลุ่มนี้ ผู้ประกอบการอาจจะมีการขายบ้าน ที่ดินให้กับคนในกลุ่มนี้
เพราะไม่อาจตรวจสอบรายละเอียดต่างๆ ได้หมด รวมไปถึงเรื่องของรายได้จากการขายอสังหาริทรัพย์ก็เป็นเรื่องที่ผู้ประกอบการต้องการ ซึ่งพวกเขาก็คงต้องอ้างอิงตามเอกสารที่มีการรับรองจากหน่วยงานราชการ และสถาบันการเงินมาเป็นหลักประกันเท่านั้น