ประเทศไทยแม้ว่าจะเป็นประเทศที่ค่าแรงขั้นต่ำสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาหลายปีแล้ว
อีกทั้งยังเป็นประเทศที่ขาดแคลนแรงงานจำนวนมาก หลายอุตสาหกรรมในประเทศไทย
ต้องใช้แรงงานต่างด้าวแล้ว
แต่ก็ยังคงเป็นประเทศที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติจำนวนมาก
เพราะด้วยทำเลที่ตั้งที่สามารถใช้เป็นฐานในการผลิตและส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆในอาเซียนได้สะดวก
แม้ว่าค่าแรงขั้นต่ำจะสูง แต่ก็สามารถชดเชยด้วยการขอรับการส่งเสริมการลงทุน
และการใช้เครื่องจักรหรือเทคโนโลยีเข้าช่วยลดภาระเรื่องแรงงาน
มูลค่าการส่งเสริมการลงทุนเฉพาะโครงการที่ได้รับรับอนุมัติในปีพ.ศ.2565 อยู่ที่ประมาณ 618,620 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีพ.ศ.2564 ประมาณ 21%
โดยนักลงทุนจากญี่ปุ่นมาเป็นอันดับที่ 1 ด้วยมูลค่ารวม 49,960 ล้านบาทตามมาด้วยนักลงทุนจากไต้หวัน 45,484 ล้านบาท
อันดับที่ 3 เป็นของนักลงทุนจากประเทศจีนด้วยมูลค่ารวม 41,691 ล้านบาท
แต่ที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนของนักลงทุนจีน คือ มูลค่าที่ขอรับการส่งเสริมจาก BOI ในปีพ.ศ.2565 มากเป็นอันดับที่ 1
มากกว่ามูลค่าการลงทุนของนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นปีแรก ซึ่งยังคงต้องติดตามต่อไปว่าจะมากเป็นอันดับที่ 1 ต่อเนื่องไปได้นานแค่ไหน