พื้นที่รอบๆ ห้าแยกลาดพร้าวก่อนหน้านี้ก็มีความพร้อมและมีศักยภาพมากเพียงพอที่จะกลายเป็นจุดศูนย์รวมของการอยู่อาศัยอยู่แล้ว
เพราะมีทั้งศูนย์การค้า สถาบันการศึกษา และไม่ไกลจากสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีชื่อเสียง รวมไปถึงมีแหล่งงานขนาดใหญ่
เพราะมีอาคารสำนักงานจำนวนมากในรัศมีไม่เกิน 3 กิโลเมตรจากห้าแยกลาดพร้าว ยังมีอาคารสำนักงานที่กำลังก่อสร้างอีก
ความพร้อมต่างๆ มีอยู่แล้ว แต่อาจจะขาดแคลนที่ดินเพื่อการพัฒนา เพราะที่ดินต่างๆ มีการพัฒนามาต่อเนื่องตั้งแต่ในอดีตแล้ว แทบจะหาที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ได้ยากมากในพื้นที่โดยรอบห้าแยกลาดพร้าว
ราคาที่ดินก็ค่อนข้างสูง เพราะที่ดินมีน้อย และศักยภาพเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นต่อเนื่องมาโดยตลอด โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ราคาที่ดินที่ปรับขึ้นมามากกว่าเท่าตัวจากช่วง 4 – 5 ปีก่อนหน้านี้ บางพื้นที่เช่น รอบๆ ห้าแยกลาดพร้าวราคาที่ดินขึ้นไปมากกว่า 1.5 ล้านบาทต่อตารางวาแล้ว รัชโยธินก็มากกว่า 1 ล้านบาทต่อตารางวาแล้วเช่นกัน
ซึ่งมีผลต่อการตั้งราคาขายคอนโดมิเนียมในพื้นที่ด้วยเช่นกัน คอนโดมิเนียมในพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวไปถึงสี่แยกรัชโยธิน
ถ้าเป็นโครงการที่ติดกับถนนพหลโยธินล้วนมีราคาขายที่มีมากกว่า 150,000 บาทต่อตารางเมตรไปแล้ว หลายโครงการมีราคาขายมากกว่า 180,000 บาทต่อตารางเมตร แม้ว่าจะเป็นโครงการที่เปิดขายมาก่อนหน้านี้ 3 – 4 ปีแล้วก็ตาม
โครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่รอบๆ ห้าแยกลาดพร้าวต่อเนื่องถึงสถานีพหลโยธิน 24 ก็มีไม่น้อย และมีบางโครงการที่เปิดขายมาก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้า
แต่พอการก่อสร้างส่วนต่อขยายของเส้นทางรถไฟฟ้าเริ่มขึ้นจึงเริ่มเห็นโครงการคอนโดมิเนียมเข้ามาเปิดขายใหม่ในพื้นที่ตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าวขึ้นไปถึงรอบๆ สี่แยกรัชโยธินมากขึ้นอีกครั้ง
คอนโดมิเนียมรวมในพื้นที่รอบๆ ห้าแยกลาดพร้าวอยู่ที่ประมาณ 12,000 ยูนิต แต่อัตราการขายก็ค่อนข้างสูง
เพราะมีอัตราการขายเฉลี่ยที่เกือบๆ 90% ไปแล้ว เพราะศักยภาพของพื้นที่ในปัจจุบัน และการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้นในพื้นที่หลังจากนี้อีกไม่กี่ปีที่สามารถมองเห็นได้ในตอนนี้
การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงของพื้นที่รอบๆ ห้าแยกลาดพร้าวน่าจะเริ่มชัดเจนในปีพ.ศ.2565 เพราะการที่กลุ่มเซ็นทรัลประกาศว่าจะพัฒนาโครงการมิกซ์-ยูสขนาดใหญ่ในพื้นที่เดิมของกลุ่มจีแลนด์ และบีทีเอส
ซึ่งหลังจากที่กลุ่มเซ็นทรัลเข้าเทกโอเวอร์กลุ่มจีแลนด์ จากนั้นซื้อหุ้นในบริษัทที่ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินแปลงใหญ่ประมาณ 46 ไร่มาจากกลุ่มบีทีเอส และได้ที่ดินแปลงนี้มาเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว
จึงเริ่มชัดเจนในทิศทางการพัฒนาโครงการนี้ ซึ่งแบ่งการพัฒนาเป็นหลายเฟส โดยเฟสที่ 1 เป็นศูนย์การค้าาขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาเพิ่มศักยภาพของพื้นที่ จากนั้นเฟสต่อๆ ไปจะเป็นเรื่องของอาคารสำนักงาน และที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าอาจจะต้องรออีก 3 – 4 ปีจึงจะเสร็จทุกเฟส
แต่เพียงเท่านี้ก็เห็นได้ชัดเจนแล้วว่าพื้นที่นี้มีศักยภาพสูงเพียงใด
ก่อนหน้านี้มีที่ดินอีก 1 แปลงที่เคยเป็นแดนเนรมิตเก่าขนาดประมาณ 33 ไร่ที่มีความเป็นไปได้ว่าจะมีการพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ แต่คงต้องรอไปอีกสักระยะ
เพราะเปลี่ยนการใช้ประโยชน์เป็นตลาดกลางคืน “จ๊อดแฟร์” ไปแล้ว ซึ่งเป็นรูปแบบการใช้ประโยชนัที่ดินที่ได้รับความสนใจจากเจ้าของที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลงในกรุงเทพมหานครพูดถึงตลาดกลางคืน
ยังมีอีก 1 ตลาดที่น่าสนใจในพื้นที่ใกล้ๆ คือ ตลาดกรีนวินเทจที่สี่แยกรัชโยธิน