ช่วงปีพ.ศ.2564 มีข่าวหนึ่งที่ฮือฮาพอสมควรในตลาดคอนโดมิเนียม
ข่าวที่ว่าทำให้คนไทยจำนวนมากรู้จักและสนใจประเทศ “วานูอาตู” ขึ้นมาทันที
เพราะว่ามีข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยออกมาว่า “ชาววานูอาตู” โอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียมในประเทศไทยกว่า 1,113 ล้านบาท
มีจำนวนมากเป็นอันดับที่ 4 รองจากอันดับที่ 2 อย่างสหรัฐอเมริกาเพียง 100 กว่าล้านบาทเท่านั้น
จากนั้น “ชาววานูอาตู” ก็เงียบหายไปจากตลาดคอนโดมิเนียมไทยในช่วงปีพ.ศ.2565 (ต้องรอข้อมูลก่อน)
จนกระทั่ง ล่าสุดมีการเปิดเผยออกมาจากการบุกค้นบ้านของคนจีนสีเทาๆ ที่ลำลูกกา
แล้วพบว่าเขามีพาสปอร์ต 2 เล่ม คือ สาธารณรัฐประชาชนจีน และวานูอาตู
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เชื่อมโยงกับอีกหลายๆ ข่าวโดยเฉพาะจาก Way Magazine ที่ว่า ประเทศวานูอาตูเปิดให้ชาวต่างชาติสามารถขอพาสปอร์ตได้ แม้ว่าพวกเขาจะมีรายชื่ออยู่ในลิสต์รายชื่อเฝ้าระวังของตำรวจสากล
แต่ต้องเงินถึง และรอเพียง 2 เดือนเท่านั้น และข้อมูลจาก The Guardian รายงานว่าปี 2020 มีบุคคลต่างชาติกว่า 2,200 คนเข้าร่วมโครงการ “Golden Passport” ของวานูอาตู
และที่น่าสนใจ คือ เป็นคนจีนกว่า 1,200 คน
และพาสสปอร์ตของ “วานูอาตู” เป็นพาสปอร์ตที่สามารถเดินทางเข้าสหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ได้โดยที่ไม่ต้องขอวีซ่า
ดังนั้น คงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีที่คอนโดมิเนียมไทยถือครองโดยคนที่ถือพาสปอร์ต “วานูอาตู” ไม่ได้บอกว่า “ชาววานูอาตู” ไม่ดี แต่ต้องเฝ้าระวังคนที่ถือพาสปอร์ต “วานูอาตู” เพราะอาจจะมีคนที่โดนกวาดล้างจากประเทศจีนแล้วออกมาทำธุรกิจสีเทาต่อที่ประเทศอื่นๆ รวมทั้งในประเทศไทย