ที่อยู่อาศัยราคา 2 – 4 ล้านบาท และมากกว่า 10 ล้านบาทขึ้นไป

เป็นทางเลือกทางรอดที่จำเป็นต้องเลือก

7

ช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ผู้ประกอบการเจอกับช่วงเวลาที่เลวร้ายหลายเรื่องที่เข้ามาพร้อมกันในเวลาเดียวกัน โดยเฉพาะเรื่องของภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ซึ่งมีผลโดยตรงต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นบ้านและคอนโดมิเนียม แต่ในฝั่งของผู้ประกอบการก็ยังคงต้องมีการขยายตัวทั้งในเรื่องของรายได้รายปี และรายได้ในอนาคตเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับนักลงทุน อีกทั้งมีผลต่อภาพรวมของบริษัทด้วย

การหาช่องทางในการทำการตลาด หรือเปิดขายโครงการใหม่ให้สอดคล้องกับกำลังซื้อจึงเป็นทางเดียวที่ผู้ประกอบการใช้มาตลอดในช่วงที่ผ่านมา

กลุ่มของกำลังซื้อที่ผู้ประกอบการให้ความสำคัญหลักๆ แล้วมีเพียง 2 กลุ่มเท่านั้น คือที่อยู่อาศัยในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อยูนิต หรือถ้าให้เจาะจงลงไปเลย คือ

ที่อยู่อาศัยที่อยู่ในช่วงราคา 2 – 4 ล้านบาทต่อยูนิต และอีกกลุ่มที่ชัดเจน คือ ที่อยู่อาศัยในระดับราคามากกว่า 10 ล้านบาทต่อยูนิตขึ้นไป ซึ่งอาจจะขึ้นไปถึงมากกว่า 30 ล้านบาทต่อยูนิตหรือมากกว่านั้น

กลุ่มของผู้ซื้อทั้ง 2 กลุ่มนี้มีความน่าสนใจ และเป็นที่หมายปองของผู้ประกอบการโครงการที่อยู่อาศัยมาโดยตลอดไม่ใช่แค่ในช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมาเท่านั้น

ผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงหรือไม่เกิน 4 ล้านบาทต่อยูนิตมาโดยตลอด เพียงแต่เป็นตลาดที่ได้รับการพูดถึงไม่มากนัก

เนื่องจากผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับโครงการราคาแพงที่ส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กรได้ดีกว่าโครงการราคาไม่แพงมาก

ในขณะที่การเปิดขายโครงการราคาไม่แพงจะเปิดแบบทั่วไป ไม่ได้มีพิธีการหรือแถลงข่าวแบบงานของโครงการราคาแพง และโครงการราคาไม่แพงก็เปิดขายเป็นปกติ มีเปิดขายใหม่ทุกเดือนในหลายๆ ทำเลทั่วกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ทั้งโครงการคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร

อีกทั้งผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีโครงการในระดับราคาไม่เกิน 4 ล้านบาทต่อยูนิตในพอร์ตมากอยู่แล้ว

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านแฝด อาจจะมีโครงการบ้านเดี่ยวบ้างแต่ไม่มากนัก และอาจจะอยู่ในทำเลที่ไม่สะดวกในการเดินทาง