แม้ว่าก่อนหน้านี้ 3 – 4ปีต่อเนื่องกันรัฐบาลจีนจะเข้มงวดกับตลาดอสังหาริมทรัพย์
และเข้มงวดกับผู้ประกอบการในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาพอสมควร
เพราะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีนโดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยขยายตัวกันต่อเนื่องมาเป็น 10 ปี
เนื่องจากรายได้ของคนจีนส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
รัฐบาลเองก็มีนโยบายการขยายเมือง และการย้ายคนเข้าสู่เมือง มีผลให้ตลาดที่อยู่อาศัยขยายตัวมากมาย
ผู้ประกอบการหลายรายในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศจีนมีรายได้มากมายมหาศาล (ต้องเรียกว่ามหาศาลดูตารางในรูปประกอบได้)
กรณีของเอเวอร์แกรนด์ที่อาจจะมีการขยายการลงทุนเกินตัว แล้วเจอรัฐบาลเบรคด้วยนโนบายควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ประกอบกับเจอเรื่องของโควิด-19 ที่มีผลให้ทุกอย่างชะลอตัว
มีผลให้ผู้ประกอบการในตลาดมีรายได้ลดลง แต่รายจ่ายที่เกิดจากการขยายกิจการ หรือซื้อที่ดิน และอื่นๆ ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวัน
ผู้ประกอบการอย่างเอเวอร์แกรนด์ที่ใช้สินเชื่อธนาคาร หรือระดมทุนจากหุ้นกู้ พันธบัตร จึงเริ่มขาดสภาพคล่อง
ซึ่งมูลค่าหนี้สินหรือภาระทางการเงินของพวกเขาทั้งหมดน่าจะเกิน 11 ล้านล้านบาทและต้องมีดอกเบี้ยที่จ่ายต่อปีมากถึง 1 แสนล้านบาทและไม่รวมเงินต้น
ซึ่งที่กลายเป็นประเด็นร้อนตอนนี้ คือ วันที่ 21 กันยายนนี้เหมือนจะครบกำหนดต้องชำระบางส่วน และเอวเอร์แกรนด์ออกมาบอกแล้วว่าไม่สามารถหาเงินมาชำระได้
จนกลายเป็นประเด็นร้อน และข่าวที่คนติดตามกันต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว
ล่าสุด รัฐบาลจีนก็ไม่ได้นิ่งดูดายอัดฉีดเงินกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือกว่า 4.48 แสนล้านบาทเพื่อเติมสภาพคล่องให้กับเอเวอร์แกรนด์
และเอเวอร์แกรนด์คงต้องเข้าสู่ระบวนการฟื้นฟูต่อไป รัฐบาลทำแบบนี้เพื่อประคองระบบธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้บางส่วนของเอเวอร์แกรนด์ไม่อย่างนั้นอาจจะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศจีนได้ เนื่องจากมูลค่าหนี้สินของเอเวอร์แกรนด์นั้นเกือบ 2% ของ GDP ประเทศจีน