แม้ว่าแนวโน้มของราคาน้ำมัน และวัสดุก่อสร้างสำคัญอย่าง เหล็ก มีทิศทางที่จะปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม
แต่ดูแล้วผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ในประเทศไทยจะยังคงเดินหน้าปรับเพิ่มราคาขายบ้านและคอนโดมิเนียมที่จะเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ.2565
เนื่องจากว่า ต้นทุนหลายอย่างในฝั่งของผู้ประกอบการที่เพิ่มขึ้นชัดเจน จากการที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างคิดค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น เพราะมีภาระมากขึ้นทั้งเรื่องของการขาดแคลนแรงงานก่อสร้างทำให้ต้องมีต้นทุนเรื่องของค่าแรง และการนำเข้าจากต่างประเทศ
รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในด้านของแรงงานมากขึ้น ฝั่งของผู้ประกอบการเองก็มีเรื่องของดอกเบี้ยธนาคารที่ปรับเพิ่มขึ้นแน่นอนในช่วงครึ่งหลังของปีพ.ศ.2565
ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีผลต่อการถือครองที่ดินของผู้ประกอบการทำให้พวกเขามีภาระจากตรงนี้มากขึ้นในภาพรวม
นอกจากนี้การที่จำเป็นต้องเร่งเปิดขายโครงการใหม่เพื่อชดเชยรายได้ที่อาจจะหดหายไปก่อนหน้านี้ และการเร่งการก่อสร้างโครงการที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2565 ก็อาจจะมีผลต่อต้นทุนของพวกเขา
ราคาขายบ้านและคอนโดมิเนียมบนต้นทุนใหม่อาจจะสูงกว่าราคาบ้านก่อนหน้านี้ 3 – 5% หรืออาจจะถึง 10% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นของราคาในสัดส่วนที่ยังคงยอมรับได้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญ
อีกทั้งฝั่งของผู้ประกอบการเองก็คงพยายามคงราคาขายหรือให้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุดในภาวะเศรษฐกิจแบบช่วงเวลานี้
อาจจะมีการปรับลดในเรื่องของคุณภาพวัสดุก่อสร้าง แบรนด์ของสิ่งต่างๆ ภายในโครงการที่อาจจะถูกลดเกรดลงมาจากโครงการในกลุ่มระดับราคาเดียวกัน
เพื่อไม่ให้ราคาขายของโครงการที่จะเปิดขายใหม่สูงกว่าโครงการเดิมในทำเลเดียวกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้ผู้ซื้ออาจจะไม่ทันสังเกต รวมไปถึงการขายแบบไม่มีสำนักงานขายหรือไม่มีส่วนกลางในโครงการของโครงการราคาไม่แพงของบางผู้ประกอบการเพื่อลดต้นทุนในการพัฒนาโครงการเพื่อให้ราคาขายไม่สูงเกินไป