ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ในไทยทุกแห่ง
มีการแบ่งลำดับชั้นของสินเชื่อไว้เป็น 6 ระดับ
เพื่อจะได้แบ่งกลุ่มของลูกหนี้ว่าอยู่ในระดับใด และเพื่อเข้าใจว่าลูกหนี้มีปัญหามากน้อยเพียงใด
ซึ่งจะทำให้ธนาคารสามารถคาดการณ์ว่าลูกหนี้รายใดจะกำลังจะมีปัญหา เพื่อจะได้เตรียมรับมือได้ทัน
ทั้ง 5 ระดับแบ่งตามการขาดส่งการผ่อนชำระรายเดือน คือ
- ปกติ คือค้างชำระ < 1 เดือน
- กล่าวถึงเป็นพิเศษ คือ ค้างชำระ > 1 เดือน แต่≤ 3 เดือน
- ต่ำกว่ามาตรฐาน คือ ค้างชำระ > 3 เดือน แต่ ≤ 6 เดือน
- สงสัย คือ ค้างชำระ > 6 เดือน แต่ ≤ 12 เดือน
- สงสัยจะสูญ คือ ค้างชำระ > 12 เดือน
- สูญ คือ NPL
ซึ่งระดับชั้นที่ธนาคารจะเริ่มให้ความสนใจ คือ ชั้นที่ 2 กล่าวถึงเป็นพิเศษ
เพราะทันทีที่ลูกหนี้ขาดส่งเงินผ่อนชำระมากกว่า 1 เดือนขึ้นไปแต่ยังไม่เกิน 3 เดือนติดต่อกัน
แสดงว่าลูกหนี้มีปัญหาแล้วแน่นอน และถ้าเงียบหายไม่มีการเข้ามาเจรจากับธนาคาร
ธนาคารจะต้องกันเงินสำรอง 2% ของมูลค่าหลักประกันทันทีแต่เมื่อใดก็ตามที่สินเชื่อนี้ค้างจ่ายเกิน 3 เดือนขึ้นไป เข้าสู่ระดับ 4 สงสัย
ธนาคารต้องตั้งสำรอง 100% ของยอดหนี้คงค้าง – (PV ของกระแสเงินสดที่คาดว่าจะได้รับจากลูกหนี้ หรือจากการขายหลักประกัน)
ดังนั้น สถาบันการเงินจึงต้องให้ความสนใจกับเงินให้สินเชื่อกล่าวถึงเป็นพิเศษมาก เพื่อลดภาระของเงินกันสำรองที่จะเกิดขึ้นตามมาเมื่อค้างชำระเกิน 3 เดือนขึ้นไป