ตอนแรกว่าจะไม่พูดถึงเรื่องของเอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปแล้ว เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศไทย
แต่มีคนถามถึงเยอะ เลยอยากรวบรวมคำอธิบายและคำตอบบางส่วนมารวมกันครับ (จริงๆ แล้วมีหนังสือพิมพ์ด้วย 2 ฉบับ ไม่รู้ว่าจะลงวันไหน)
เอเวอร์แกรนด์มีปัญหาเรื่องหนี้สินที่กู้มาหรือออกหุ้นกู้ ออกพันธบัตรมาขายมากถึง 11 ล้านล้านบาท โดยการทำธุรกรรมทั้งหมดนั้นเพื่อการขยายกิจการ และการซื้อกิจการ
แล้วทำไมบริษัทแค่ 1 บริษัทจึงสามารถมีหนีสินได้มากถึงขนาดนี้ คงต้องย้อนไปดูรายได้ของเขาในปีพ.ศ.2563 นะครับ
เอเวอร์แกรนด์เป็นบริษัทอันดับที่ 2 ของโลกในด้านของรายได้ โดย 5 อันดับแรกจาก Fortune Global 500 เป็นบริษัทอสัหาริมทรัพย์จากประเทศจีนหมดเลย
รายได้ของพวกเขาในปีพ.ศ.2563 อยู่ที่ประมาณ 2.81 ล้านล้านบาท กำไรอีกประมาณ 82.54 หมื่นล้านบาท ทรัพย์สินของบริษัทรวมกันมากกว่า 10.45 ล้านล้านบาท
รายได้ของพวกเขาหลักๆ มาจากการขายโครงการที่อยู่อาศัยในประเทศจีน แต่เมื่อเกิดปัญหาทั้งจากภาวะเศรษฐกิจ และจากการควบคุมของรัฐบาลทำให้รายได้ของทุกบริษัทลดลง
และมีผลต่อเนื่องมายังเงินทุนหมุนเวียน รวมไปถึงเงินที่ต้องชำระหนี้สินต่างๆ ประกอบกับมีข่าวออกมาต่อเนื่องว่าเอเวอร์แกรนด์มีปัญหาเรื่องการเงินมีผลให้พันธบัตรหรือหุ้นกู้ของพวกเขาไม่มีคนซื้อ มูลค่าลดลงต่อเนื่องมาโดยตลอดจนแทบบไม่มีค่าแล้วในปัจจุบัน
ดังนั้น เอเวอร์แกรนด์อาจจะมีปัญหาในการหาเงินมาชำระหนี้สินที่จะถึงกำหนดวันที่ 21 กันยายนนี้ และหลายฝ่ายยังรอดูท่าทีของรัฐบาลจีนว่าจะเข้ามาช่วยเหลือหรือไม่
เพราะผลกระทบจากเอเวอร์แลนด์อาจจะมากกว่าที่เป็นข่าว คนที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์ของพวกเขาไป แล้วยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์เพราะยังก่อสร้างไม่เสร็จอีกกว่า 1.4 ล้านยูนิต ยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ต่อเนื่องจากบริษัทนี้อีก
ปัญหาของเอเวอร์แกรนด์อาจจะใหญ่กว่าที่เป็นข่าว เพียงแต่ผลกระทบคงไม่มาถึงประเทศไทยแบบที่เลห์แมน บราเธอร์สล้มละลาย
เพราะพวกเขาไม่ได้เข้ามาลงทุนในประเทศไทย ยกเว้นคนที่เข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กองทุนหรือมีซื้อพันธบัตรที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้