การขออนุญาตจัดสรรที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรโดยทั่วไปนั้นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน พ.ศ.2543 ที่ระบุว่า
ถ้าจะมีการแบ่งที่ดินเพื่อขาย หรือนำมาพัฒนาเป็นบ้านรูปแบบต่างๆ ตั้งแต่ 10 แปลงขึ้นต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน
ซึ่งมีข้อกำหนดในเรื่องของการพัฒนาโครงการมากมาย ที่ครอบคลุมทั้งเรื่องของถนนทางเข้า ถนนภายใน ส่วนกลางของโครงการและระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการที่จะทำการพัฒนาโครงการนั้นๆ ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
และแน่นอนว่า การจะทำให้ได้ตามที่กฎหมายกำหนดนั้นต้องใช้เงินลงทุนที่มากขึ้น และมีผลต่อเนื่องไปยังหลายเรื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนในการพัฒนาโครงการ ซึ่งจะมีผลต่อการตั้งราคาขาย และต่อเนื่องไปยังการหาแหล่งเงินลงทุนเพื่อพัฒนาโครงการ
แต่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 เป็นต้นมา ผู้ประกอบการสามารถพัฒนาโครงการบ้านจัดสรรขนาดเล็กพิเศษได้ (จัดสรรจิ๋ว) โดยที่ไม่เข้าข่ายการเลี่ยงจัดสรรแล้ว ตามประกาศคณะกรรมการจัดสรรที่ดินกลาง ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2552 ซึ่งแม้ว่าจะหมดอายุหลังจากนั้น 3 ปี
แต่มีการขยายระยะเวลาของประกาศนี้มาโดยตลอด ซึ่งการขยายระยะเวลาครั้งล่าสุดจะครบกำหนดวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ.2565 และยังไม่รู้ว่าจะมีการต่ออายุต่อไปหรือเปล่า
ซึ่งที่ผ่านมา มีส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนาโครงการรูปแบบนี้มากขึ้น อีกทั้งดึงโครงการที่เลี่ยงจัดสรรมาเข้าระบบนี้มากขึ้น
แม้ว่าจะมีข้อจำกัดมากขึ้นกว่าการพัฒนาโครงการแบบเลี่ยงจัดสรร แต่ยังน้อยกว่าการขออนุญาตจัดสรร โดยข้อกำหนดที่ระบุในประกาศ เช่น
1.ไม่ต้องมีที่ตั้ง หรืออาคารของสำนักงานนิติบุคคล ไม่ต้องมีสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น 5% ของพื้นที่ขาย
2.ถนนภายในโครงการเป็นลาดยางมะตอยได้ ไม่ต้องเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ไม่ต้องมีการจัดการขยะ หรือระบบระบายน้ำ
3.ไม่ต้องมีคณะกรรมการนิติบุคคลบริหารโครงการ เพราะข้อกำหนดลดลง เงินลงทุนก็ลดลง ราคาขายก็ต่ำลงเช่นกัน ซึ่งเหมาะกับคนที่หาซื้อบ้านในราคาไม่สูงมาก