ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลอนุญาตให้ชาวต่างชาติสามารถยื่นขอวีซ่าระยะยาว (Long – Term Resident Visa) หรือ “LTR Visa” ในประเทศไทยได้
ข้อมูลล่าสุดจากการรายงานของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา
ได้รายงานจำนวนของผู้ขอยื่นขอใบสมัคร LTR Visa ณ วันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมาอยู่ที่ 1,158 ราย
โดยแยกตาม 4 กลุ่มเป้าหมายที่มีศักยภาพสูง ดังนี้
1.กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง คือ มีทรัพย์สินมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์/ปี และลงทุนในไทยไม่น้อยกว่า 5 แสนดอลลาร์ มีผู้ยื่นใบสมัครแล้ว 88 คน คิดเป็น 8%
2. ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ คือ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 250,000 ดอลลาร์ ในพันธบัตรรัฐบาลหรืออสังหาริมทรัพย์ โดยมีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 430 คน คิดเป็น 37%
3.ผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย คือ มีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป หรือครอบครองทรัพย์สินทางปัญญา หรือได้รับเงินทุน Series A โดยในกลุ่มนี้มีผู้สมัครเข้ามาแล้ว 366 คน คิดเป็น 32%
4. ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ ต้องมีรายได้ส่วนบุคคลไม่น้อยกว่า 80,000 ดอลลาร์/ปี กรณีรายได้ต่ำกว่าที่กำหนด ต้องสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไปในสาขาวิทยาศาสตร์หรือเทคโนโลยีหรือมีความเชี่ยวชาญในสายงานที่เข้ามาทำในประเทศไทย ในกลุ่มนี้มีผู้สมัครมาแล้ว 160 คน คิดเป็น 14%
ที่เหลือเป็นการยื่นขอใบสมัครของคู่สมรส และบุตรของผู้ที่ต้องการทำงานและพำนักอาศัยระยะยาวในประเทศไทย โดยมีคนที่ยื่นใบสมัครวีซ่าในส่วนนี้ 144 คน คิดเป็น 14%
โดยถ้าแยกตามประเทศของผู้ที่ยื่นสมัครเข้ามา 5 อันดับแรกของชาวต่างชาติจะสามารถแยกได้ว่า
1. สหรัฐ อเมริกา 232 ราย
2. จีน 140 ราย
3. สหราชอาณาจักร 109 ราย
4. เยอรมัน 68 ราย
5. ออสเตรเลีย 51 ราย
ผ่านไปไม่นานก็มีคนยื่นขอสมัครเข้ามามากขนาดนี้แล้ว คงต้องติดตามต่อเนื่องต่อไป และขอให้ BOI เปิดเผยจำนวนของคนที่ได้ LTR VISA ด้วยก็จะดีครับ