ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา น่าจะเป้นช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนมือบริษัท เจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์มากที่สุด
โครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนเจ้าของมีหลายประเภท
แต่ที่เห็นกันบ่อยก็ คือ โรงแรม และโครงการที่อยู่อาศัย
โดยโครงการที่อยู่อาศัยมีทั้งแบบที่ยังสร้างไม่เสร็จ และที่ดินเปล่าที่ยังไม่ได้พัฒนา
โครงการที่ยังสร้างไม่เสร็จเกือบ 100% ที่มีการซื้อขายกัน คือ โครงการคอนโดมิเนียม
ซึ่งการซื้อขายโครงการคอนโดมิเนียมที่ยังสร้างไม่เสร็จมีทั้งการเข้าซื้อตั้งแต่ยังไม่เริ่มการก่อสร้าง
และการเข้าซื้อในช่วงที่เริ่มการก่อสร้างไปแล้ว
แต่โครงการส่วนใหญ่ที่มีการซื้อขายกัน จะเป้นโครงการที่เปิดขายไปแล้ว
และมียอดจองซื้อมากกว่า 60 – 70% หรือปิดการขายไปแล้ว 100%
เพราะจุดนี้เป็นจุดที่ผู้ซื้อจะนำมาพิจารณาเป็นปัจจัยสำคัญ
เนื่องจากถ้าเข้าซื้อโครงการที่อยู่ในเกณฑ์นี้ การันตีได้แน่นอนว่าสามารถคาดหวังกำไรได้เพราะแค่ก่อสร้างให้จบ 100% และรอโอนกรรมสิทธิ์
การเข้าซื้อโครงการที่ยังไม่ก่อสร้างหรือขายไปได้ไม่มาก ก็ต้องแน่ใจว่าได้ราคาที่ไม่สูงมาก ยังมีช่องให้ทำกำไร และอัพราคาเมื่อเกิดการเปลี่ยนมือเจ้าโครงการได้
แต่เท่าที่เห็นในช่วงที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเลือกซื้อโครงการที่ขายไปแล้วมากกว่าชัดเจน
ช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมามีการซื้อขายโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแบบที่มีการก่อสร้างไปแล้ว
และยังไม่เริ่มการก่อสร้างเลยก็หลายโครงการ
รวมไปถึงเป็นโครงการที่มียอดขาย 70 – 80% และขายไปได้ไม่มาก
เท่าที่จำได้ และมีการซื้อขายมากที่สุดน่าจะเป็น เสนา ดีเวลลอปเม้นท์
ที่ซื้อโครงการคอนโดมิเนียมที่ไปต่อไม่ไหวที่เจริญนคร รัตนาธิเบศร์ และเตาปูน แล้วนำมาพัฒนาและขายต่อ
เสนาฯ ยังมีการซื้อหุ้นในบริษัท เจริญนคร แลนด์ จำกัด และบริษัท วรัตน์ แลนด์ จำกัด แต่ที่ใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นการเข้าซื้อบริผษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
ซื้อ 3 โครงการ 3 บริษัทในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา หรืออาจจะมีอีกแต่ตกหล่น และไม่มีการเปิดเผย
เรียลแอสเสทเป็นอีก 1 บริษัทที่มีการซื้อโครงการคอนโดมิเนียมมาในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา เท่าที่จำได้มีการซื้อโครงการคอนโดมิเนียมที่บางนาใกล้เมกาบางนา และที่ลาซาลต่อจากผู้ประกอบการอีกราย
แอสเซทไวส์เป็นผู้ประกอบการอีกรายที่เข้าซื้อโครงการคอนโดมิเนียมที่กำลังก่อสร้างแถวรัชดาภิเษกไปพัฒนาต่อจนโอนกรรมสิทธิ์
และล่าสุดพราว เรียลเอสเตทเข้าซื้อหุ้น 100% ของ 2 บริษัทลูกของโนเบิลที่เป็นเจ้าของโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการแถวรัชดา-พระราม 9 และคูคต
การเข้าซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีการขายไปแล้ว และผู้ประกอบการเจ้าของโครงการขาดกระแสเงินสด หรือต้องการผลตอบแทนทันทีไม่อยากรอจนการก่อสร้างแล้วเสร็จ
ในเรื่องของราคาซื้อขาย ณ ตอนนั้น และกาปรับเพิ่มราคาคอนโดมิเนียม รวมไปถึงอัตราการจอง ยอดผ่อนชำระรายเดือน และ Backlog ที่รอโอนกรรมสิทธิ์ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างความน่าสนใจ
ให้กับฝั่งของผู้ซื้อ ผู้ขายก็ได้เงินสดเข้ากระเป๋าทันที ไม่ต้องรอจนถึงวันโอนกรรมสิทธิ์