สิ่งที่มีผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนแล้ว คือ เรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น และยังไม่มีทีท่าว่าจะลดลง
และการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันมีผลโดยตรงต่ออีกหลายๆ ปัจจัย เช่น ค่าขนส่งสินค้าที่ต้องเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปยังสินค้าต่างๆ
ซึ่งจะซ้ำเติมกับสถานการณ์เงินเฟ้อในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นมาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีผลมากน้อยเท่าใด ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของปัญหา และผลสุดท้ายของปัญหาว่าจะร้ายแรงเพียงใด
ปัญหาเรื่องของความชัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนยังมีผลกระทบทางอ้อมกับเรื่องอื่นๆ อีก นอกจากเรื่องของราคาน้ำมันแล้ว เรื่องเศรษฐกิจที่จะมีผลต่ออีกหลายๆ ประเทศในยุโรปไม่ใช่เฉพาะประเทศคู่ขัดแย้งหรือรัสเซียเท่านั้น
เพราะการคว่ำบาตรไม่ซื้อสินค้ารัสเซียมีผลให้ประเทศในทวีปยุโรปต้องซื้อสินค้าที่นำเข้าจากประเทศอื่นๆ ในราคาที่สูงขึ้น เพราะระยะทางในการขนส่งที่ยาวนานมากขึ้นอีกทั้งราคาน้ำมันสูงขึ้น
การประกาศเขตห้ามบินของรัสเซียมีผลให้การบินจากทวีปยุโรปไม่สามารถบินผ่านรัสเซียเพื่อมาทวีปเอเชียได้
ซึ่งการเปลี่ยนเส้นทางการบินมีผลต่อระยะเวลาในการบินที่นานขึ้น ค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายมากขึ้นซึ่งสุดท้ายแล้วมีผลต่อค่าโดยสารที่ต้องแพงขึ้น
และจะมีผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในเอเชียรวมไปถึงประเทศไทย
อีกเรื่องที่มีผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยว และการค้าคือการตัดรัสเซียออกจากระบบการเงินโลก (SWIFT) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อคนรัสเซียที่อยู่นอกประเทศทั้งที่ออกมาทำธุรกิจ หรือท่องเที่ยว เนื่องจากชาวรัสเซียไม่สามารถใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตหรือทำธุรกรรมทางการเงินได้สะดวกแบบก่อนหน้านี้ และมีผลกระทบแน่นอนต่อธุรกิจการท่องเที่ยวในประเทศไทย